phonics คืออะไร

phonics คืออะไร
หลายคนอาจจะสงสัยว่าคำว่า โฟนิคส์ หรือ phonics มาจากไหน ซึ่งจากการค้นคว้าหาคำนิยามของคำนี้ พบว่าเว็บ about.com ได้ให้คำนิยามไว้ว่า
phonics คือวิธีการในการสอนให้อ่านโดยอาศัยเสียงของตัวอักษร กลุ่มของตัวอักษร หรือพยางค์
แต่ในแง่ของการใช้งานแล้ว phonics จะหมายถึงหลากหลายวิธีการที่อาจจะแตกต่างกันหรือทับซ้อนกันในการดำเนินการ ซึ่งด้านล่างจะสรุปไว้ 4 วิธีการด้วยกัน
ทั้งนี้การสอนให้อ่านแบบ phonics นั้นจะต่างจากการสอนให้อ่านหนังสือแบบทั่วๆไปที่จะสอนให้อ่านคำทั้งคำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงลงไป
ในช่วงศตวรรษที่ 19 คำว่า phonics มีความหมายเหมือนกันกับคำว่า phonectics (สัทศาสตร์ – สาขาย่อยของภาษาศาสตร์ที่ประกอบด้วยการศึกษาเสียงพูดของมนุษย์) ซึ่งมีการนิยมใช้คำว่า phonics มากกว่า แต่ในศตวรรษที่ 20 phonics มีความหมายว่า วิธีการสอนให้อ่าน
ตัวอย่างและข้อสังเกต
phonics สามารถจำแนกออกเป็น 4 กรณีหลักๆ ด้วยกันตือ
Analytic(al) Phonics ในช่วงปี 1960 จะฝึกให้นักเรียนวิเคราะห์คำที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แล้วให้วิเคราะ์ห์ว่ามีหน่วยเสียงอะไรบ้าง แต่บางกลุ่มได้มีการระบุถึงรูปแบบที่เกิดซ้ำๆในภาษาอังกฤษ
Linguistic Phonics เน้นให้สังเกตรูปแบบที่พบในคำต่างๆเช่น cat, rat, mat, bat แล้วนำเสนอให้นักเรียนได้เรียนรู้ แล้วสรุปถึงสิ่งที่เหมือนกันคือ เสียง -at แล้วใช้มันอ่านคำอื่นๆ ต่อไป แบบนี้จะคล้าย Analytic Phonics แต่เน้นที่รูปแบบ pattern มากกว่าจะจำแนกหน่วยเสียงแต่ละหน่วย
Synthetic Phonics เป็นแนวทางในการสร้างเสียงจากการออกเสียงคำใหม่ๆ จากเสียงที่อยู่ในหัว ทำให้เกิดการรวมเสียงของแต่ละตัวอักษร หรือกลุ่มตัวอักษร แล้วรวมเสียงให้เป็นเสียงที่รู้จัก หรือพูดง่ายๆก็คือการสร้างเสียงจากแต่ละตัวอักษร สระ ออกมาให้เป็นเสียงคำใหม่ๆ นั่นเอง
Embedded Phonics เทคนิคนี้เป็นการสอน phonics โดยอาศัยให้นักเรียนได้เรียนสื่อจริงๆ ซึ่งจะเชื่อโยงกับลักษณะทางภาษาในกรอบที่ใหญ่ขึ้น
บทสรุป
ความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับ ตัวอักษร รูปแบบการสะกดคำ และแต่ละคำ ทั้งสามส่วนนี้มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อทักษะในการอ่าน ยิ่งไปกว่านั้น คำสั่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อการพัฒนาความไวในการรับรู้ของเด็กต่อการสะกดคำและการตอบสนองของพวกเขาต่อการออกเสียงควรจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่าน
ดังนั้นเด็กๆที่เรียนรู้การอ่านโดยใช้ phonics จะมีความสามารถในการอ่านออกมากกว่าเด็กทั่วไปที่ไม่ได้เรียนการอ่านในลักษณะนี้มา